

การแพทย์แผนจีน
แนวคิดแบบองค์รวม (holism)* เป็นแนวความคิดเชิงปรัชญา ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความสมดุลทั้งภายในร่างกายและระหว่างร่างกายมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวความคิดนี้ ทำให้แพทย์จีนประมวลข้อมูลทางคลินิกทั้งหมดมาวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทราบถึงสภาพของโรคทั้งหมด
*holism : one of the philosophical ideas regarding the human body as an organic whole, which is integrated with the external environment.
แนวคิดแบบองค์รวม เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของศาสตร์การแพทย์แผนจีน แต่แนวคิดแบบองค์รวมคืออะไร วันนี้เรามีคำตอบ
แนวคิดแบบองค์รวม มีนัยสำคัญ 3 ด้าน ดังนี้
1) ร่างกายของมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว โดยมีหัวใจเป็นสำคัญ เช่น อาการปวดศีรษะ แพทย์จีนอาจใช้จุดฝังเข็มที่เท้าในการรักษา เพราะเราเชื่อว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เชื่อมโยงกันเหมือนใยแมงมุม การเสียสมดุลในตำแหน่งเฉพาะ ท้ายที่สุดจะทำให้สมดุลรวมถูกทำลายเช่นกัน
2) มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งเดียวกัน การที่ร่างกายปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ผู้นั้นมักมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และสภาพแวดล้อมสามารถส่งผลต่อความแข็งแรงของร่างกายได้ เช่น หากสภาพภูมิอากาศหนาว มักพบโรคระบบทางเดินหายใจ หากสภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูง มักพบการขาดสารบางชนิด เป็นต้น ดังนั้น ร่างกายต้องปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม จึงจะแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
3) มนุษย์กับสังคมเป็นหนึ่งเดียว เราปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพสังคมสามารถสะท้อนสุขภาพร่างกายได้ เช่น สงครามทำให้ผู้คนเจ็บป่วยได้ง่าย การตกงานมักทำให้ห่อเหี่ยวหมดแรง การได้เลื่อนตำแหน่ง มักทำให้กระปรี้กระเปร่า เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ คือความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดแบบองค์รวมทางการแพทย์แผนจีน ซึ่งทำให้แพทย์จีนวิเคราะห์และประเมินสภาพร่างกายโดยการประมวลข้อมูลอย่างครอบคลุม


อ. ดร. ภารดี แสงวัฒนกุล
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน
อาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แพทย์ประวัติการศึกษา
-
พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2558
ปริญญาเอก สาขาอายุรกรรมแผนจีน (TCM Internal Medicine) มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเทียจิน
-
พ.ศ.2549 - พ.ศ .2552
ปริญญาโท สาขาการฝังเข็มรมยาและการนวดทุยหนา (Acupuncture & Moxibustion and Tuina) มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปักกิ่ง
-
พ.ศ.2544 - พ.ศ.2549
ปริญญาตรี สาขาการแพทย์แผนจีน (Chinese Medicine) มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปักกิ่ง
ประวัติการทำงาน
-
พ.ศ.2558 - ปัจจุบัน
อาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประธานหลักสูตรการแพทย์แผนจีนบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์
-
พ.ศ.2553 - พ.ศ.2555
อาจารย์ประจำ คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
-
พ.ศ.2554 – ปัจจุบัน
วิทยากร และล่ามแปลจีน-ไทยในการประชุมวิชาการต่าง ๆ ทางการแพทย์แผนจีน
ตำแหน่งทางวิชาชีพแพทย์แผนจีน
-
พ.ศ.2560 - 2564
กรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนจีน สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
-
พ.ศ.2555 - ปัจจุบัน
คณะกรรมการจัดสอบความรู้ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข
คณะอนุกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนจีน ด้านการพัฒนาวิชาการและมาตรฐานวิชาชีพ สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข
การฝังเข็ม (Acupuncture)
เป็นวิธีการกระทําต่อจุดฝังเข็มบนเส้นลมปราณซึ่งอยู่บนผิวหนังภายนอกของร่างกาย การฝังเข็ม จะอิงทฤษฎีเส้นลมปราณ และยังใช้ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนมาประกอบการรักษา ภายหลัง แพทย์ตรวจวินิจฉัยอาการโรคเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็ก ความยาวของเข็มจะขึ้นกับความหนาบางของบริเวณที่จะลงเข็ม เข็มที่ใช้เป็นเข็มที่สะอาด ปลอดเชื้อ ทําความสะอาดผิวหนังด้วยยาฆ่าเชื้อโรค แล้วปักเข็มทะลุผิวหนังตรงจุดฝังเข็มตามแนวเส้นลมปราณที่ ตรงกับอาการของโรคในความลึกขนาดต่าง ๆ กัน แพทย์อาจมีการกระตุ้นเข็มโดยการปันหรือซอยเข็ม เบาๆ การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20 – 40 นาที
การใช้เครื่องไฟฟากระตุ้น ( Electro-acupuncture)
หลังจากฝังเข็มลงในจุด จนเกิดการเต๋อชี่* ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟาปล่อยกระแสไฟฟาที่คล้ายร่างกายมนุษย์ออกมาอย่างอ่อน ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน* “เต๋อชี่” (得⽓气) คือการได้ชี่ หมายถึง อาการหรือความรู้สึกของผู้ปวยที่เกิดจากการกระตุ้นชี่ในเส้นลมปราณด้วยการฝังเข็ม เช่น ปวด ชา พองตึง หนัก หรือแม้แต่รู้สึกเหมือนถูกไฟฟาดูด ในส่วนของแพทย์ที่ฝังเข็มจะรู้สึกตึงแน่นรอบๆเข็ม
การครอบกระปุก (Cupping)
การครอบกระปุกเป็นวิธีการรักษาโดยใช้กระปุกมาลนไฟให้ร้อน เพื่อไล่อากาศออก จากนั้น จึงครอบกระปุกลงบนผิวหนัง ซึ่งจะมีแรงดูดจากสุญญากาศทําให้เกิดเลือดคั่งขึ้นในบริเวณนั้น วิธีการนี้มีมาแต่โบราณโดยใช้เขาสัตว์มาทําเป็นรูปกระปุก จากนั้นก็ปฏิบัติกันต่อมาโดยมีการ เปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ทําเช่น กระเบื้อง โลหะ แก้ว เป็นต้น
การใช้ยาสมุนไพรจีน (Chinese Herbal Remedies)
เป็นวิธีการใช้สมุนไพรจีนตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป จัดเป็นตํารับยาจีน อาจจะอยู่ในลักษณะยาต้ม หรือยาสําเร็จรูปชนิดอื่นๆ และต้องกําหนดจํานวน วัน และปริมาณในการรับประทาน
การนวดทุยหนา (Tuina)
ใช้ท่านวดต่างๆ กระทําบนจุดฝังเข็ม หรือบนเส้นลมปราณซึ่งอยู่บนผิวหนังภายนอกร่างกาย หรือกระทําบนตําแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ ข้อต่อ โดยจะอิงทฤษฎีเส้นลมปราณ และยังใช้ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนมาประกอบการรักษา นอกจากนี้ยังมีการตรวจร่างกายอื่นๆ มาประกอบการรักษาด้วย
การกัวซา (Gua-Sha)
การรักษาโดยการใช้วัสดุที่มีลักษณะขอบมนเรียบ เช่น หยก ไม้ไผ่อ่อน ช้อนกระเบื้องเคลือบ เหรียญ แก้ว โดยการนําอุปกรณ์ที่ใช้กัวซามาทําการขูดบริเวณผิวหนังของผู้ปวยในทิศทางขึ้น ลง เข้า ออก ตามแนวเส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มการรักษาด้วยกัวซา สามารถช่วยในการกระจายเลือด และพลัง ขับเหงื่อเพื่อแก้อาการภายนอก คลายเส้นเอ็น ทะลวงเส้นลมปราณ ปรับสมดุลของระบบ อวัยวะภายใน กระตุ้นพลังเพื่อขับความชื้นส่วนที่เป็นของเสียออกจากร่างกาย เพื่อปรับการไหลเวียน ของเลือด และพลังในร่างกายให้ดีขึ้น